เกี่ยวกับ Computer

marketing

เกี่ยวกับ Computer

คุณสมบัติ 7 ประการในการเลือกซื้อคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเครื่องใหม่

หากคุณไม่ใช่ผู้ที่มีความรู้ในเรื่องเทคโนโลยีแล้ว การเลือกซื้อฮาร์ดแวร์อาจเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับคุณ อ่านคำแนะนำเหล่านี้ เพื่อนำไปใช้ในการซื้อคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ

คอมพิวเตอร์รุ่นโบราณของคุณมีเสียงหวีดในขณะเปิดเครื่องใช่หรือไม่ คุณพิมพ์ได้เร็วกว่าตัวอักษรที่ปรากฏบนจอใช่ไหม คุณเบื่อที่จะต้องนั่งมองดูนาฬิกาทรายของ Windows นานเป็นเวลาหลายนาทีในการทำงานแต่ละครั้งใช่หรือไม่

อาจถึงเวลาเปลี่ยนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเครื่องใหม่ได้แล้ว

ปัจจุบัน ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ต่างยังคงประสบกับปัญหาธุรกิจตกต่ำอยู่ ในขณะที่ผู้ผลิตส่วนประกอบต่างก็ผลิตอุปกรณ์ของตนให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้น มีราคาถูกลง และด้วยขนาดที่เล็กลง ผลลัพธ์คือคุณได้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทรงประสิทธิภาพมีสิ่งต่างๆ ให้คุณได้ใช้มากมาย

ผู้เขียนคงไม่สามารถระบุเครื่องแบบเฉพาะเจาะจงได้ เนื่องจากเมื่อถึงเวลาที่คุณอ่านบทความนี้ เครื่องดังกล่าวอาจไม่มีจำหน่ายแล้วก็ได้ แต่เราจะมาพิจารณาส่วนประกอบต่างๆ ที่ประกอบเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ และใช้คำอธิบายเหล่านี้ในการตัดสินใจเลือกสิ่งที่คุณต้องการ

ต่อไปนี้เป็นองค์ประกอบ 7 ประการที่คุณควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเครื่องใหม่

ไมโครโปรเซสเซอร์

ไมโครโปรเซสเซอร์เป็นส่วนที่มีราคาแพงที่สุด ไมโครโปรเซสเซอร์สำหรับเครื่อง Windows จะผลิตโดย Intel และ AMD สำหรับเครื่อง Apples จะผลิตโดย IBM และ Motorola และนี่เป็นคำแนะนำข้อแรก นั่นคือ ไม่ควรกังวลมากเกินไปว่าใครเป็นผู้ผลิตชิพ เนื่องจากผู้ผลิตทั้ง 4 รายต่างดีหมด สำหรับเครื่อง Windows คุณสามารถเลือกใช้ชิพรุ่นต่างๆ ได้ เช่น AMD Athlon XP, Intel Pentium 4 และ Intel Celeron ซึ่งเป็นชิพราคาประหยัด ส่วน Pentium 4 และ Athlon XP เป็นชิพระดับสูง สำหรับ Pentium 4 ซึ่งเป็นชิพที่มีความเร็วสูงสุดจะรันอยู่ที่ 3.2 กิกะเฮิรตซ์ ซึ่งเป็นความเร็วที่สูงมาก แต่ก็มีราคาแพงมากเช่นกัน ส่วนชิพรุ่นใกล้เคียงกันคือชิพ AMD รุ่น 3200+ จะมีราคาต่ำกว่าเล็กน้อย

คุณอาจต้องใช้ชิพความเร็วสูงเหล่านี้ หากคุณต้องตัดต่อวิดีโอ หรือทำงานเกี่ยวกับการออกแบบที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วย (CAD) หรือใช้เล่นเกมส์ขั้นสูง หากคุณไม่ต้องใช้งานดังกล่าว ให้พิจารณาชิพที่มีความเร็ว 2.4 GHz ถึง 2.6 GHz (หรือ 2400+ to 2600+ ในเครื่องที่ใช้ชิพ AMD) ซึ่งมีราคาถูกกว่า และมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับชิพราคาสูง

ชิพ Celeron ของ Intel เป็นชิพราคาประหยัด หากคุณใช้คอมพิวเตอร์ในงานสำนักงานทั่วไปและท่องเน็ต คุณอาจไม่เห็นความแตกต่างระหว่างชิพ Celeron รุ่นสูงกับชิพ Pentium 4 ที่มีความเร็วเท่ากัน แต่คุณสามารถประหยัดเงินได้บางส่วนหากใช้ชิพ Celeron

ชิพ Apple และ AMD ทำงานด้วยความเร็วที่ช้ากว่าชิพที่ผลิตจาก Intel โดยที่ AMD ใช้เครื่องหมาย + ในชื่อรุ่น เช่น 3200+ เพื่อต้องการสื่อความหมายว่าชิพนั้นมีความเร็วมากกว่าไมโครโปรเซสเซอร์ของ Intel ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงทำงานช้ากว่า และจากการทดสอบผลที่ได้ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นการทดสอบในห้องปฏิบัติการ ในการใช้งานคุณจะไม่เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน

Apple อ้างว่าเครื่องระดับสูงของตนมีความเร็วกว่าเครื่องที่รันด้วย Windows นั่นก็ยังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ และมีเว็บไซต์ต่างๆ ที่โจมตีข้ออ้างดังกล่าวของ Apple ชิพของ Apple รันด้วยความเร็วที่ต่ำกว่ามาก จึงเป็นการยากที่จะเปรียบเทียบกันโดยตรง และหากว่าคุณสนใจที่จะใช้เครื่อง Apple ให้ทำการทดสอบเปรียบเทียบกับเครื่อง Windows ในร้านจำหน่าย เครื่อง Apple มีราคาแพงกว่าเครื่อง Windows

ทั้ง Apple และ AMD ต่างก็มีไมโครโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ขนาด 64 บิต (รุ่นของ Windows จะวางจำหน่ายในครึ่งปีแรกของปี 2004) และสามารถประมวลผลข้อมูลได้ด้วยความเร็วเป็น 2 เท่าของชิพขนาด 32 บิต แต่ในปัจจุบันยังไม่มีโปรแกรมใดที่สามารถใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพนี้ได้ ในอนาคตอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แต่สำหรับขณะนี้ ชิพราคาแพงเหล่านี้ยังไม่สามารถใช้ให้คุ้มค่าได้

ระบบปฏิบัติการ

การเปรียบเทียบระหว่าง Windows XP และ OS X ของ Apple ก็มีความยากลำบากเช่นกัน แต่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น ทั้งสองชนิดมีความเสถียรและความเร็วพอกัน คุณอาจพอใจที่จะใช้เครื่องใดเครื่องหนึ่งก็ได้

Windows XP มีอยู่ 2 รุ่น คือ Home และ Professional โดย Windows XP Professional เป็นรุ่นที่ใหญ่กว่ารุ่น Home คือมีคุณสมบัติดีๆ ทั้งหมดของรุ่น Home เสริมด้วยคุณสมบัติอื่นๆ ซึ่งส่วนมากเป็นความสามารถด้านเครือข่าย Professional จะแพงกว่าประมาณ $200 (AUD) ขึ้นไป

แต่รุ่นดังกล่าวมีคุณลักษณะที่มีประโยชน์อยู่หลายประการ เช่น เดสก์ท็อประยะไกล ที่ให้คุณเข้าใช้คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่ง ตัวอย่างเช่น คุณสามารถล็อกออนเข้าเครื่องที่สำนักงานได้จากบ้านและเช็คอีเมลของคุณได้ และยังให้คุณสามารถเข้ารหัสไฟล์และโฟลเดอร์ได้อีกด้วย

หน่วยความจำ RAM (Random Access Memory)

คุณต้องใช้หน่วยความจำอย่างน้อย 256 MB แต่หากว่าคุณสามารถรองรับค่าใช้จ่ายได้ ให้ใช้ขนาด 512 MB ผู้เขียนเองจะใช้ขนาด 1 GB หากต้องใช้กับโปรแกรมที่ต้องการหน่วยความจำมาก เช่น การตัดต่อวิดีโอ เป็นต้น หน่วยความจำมีราคาถูก คุณจึงไม่ควรตระหนี่ในเรื่องดังกล่าว

ผู้เขียนมีเพื่อนคนหนึ่งซึ่งใช้คอมพิวเตอร์เครื่องเก่าที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP และหน่วยความจำขนาด 128 MB บริษัท Microsoft แจ้งว่าขนาดดังกล่าวสามารถใช้งานได้ ซึ่งก็ถูก แต่เป็นการทำงานได้แบบไม่ค่อยดีนัก เธอไม่สามารถรัน Microsoft Word ในเครื่องดังกล่าวได้ เหตุผลคือหน่วยความจำไม่เพียงพอที่จะรันทั้ง Windows XP และ Word จึงควรซื้อหน่วยความจำเพิ่มขึ้น เพราะอย่างที่บอกก็คือ หน่วยความจำมีราคาไม่แพง

ฮาร์ดดิสก์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น

เมื่อพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องฮาร์ดดิสก์ หากคุณต้องทำงานที่เกี่ยวข้องกับวิดีโอเป็นส่วนใหญ่ คุณต้องใช้ฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่ ยิ่งมีขนาดใหญ่มากเท่าใด ก็ยิ่งดีเท่านั้น เพราะไฟล์วิดีโอมีขนาดใหญ่มาก ปัจจุบัน ฮาร์ดดิสก์ขนาด 200 ถึง 250 GB มีอยู่อย่างแพร่หลายและราคาไม่แพง

แต่ถ้าไม่ต้องใช้งานดังที่กล่าวมา ฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่ที่มีอยู่ในปัจจุบันสามารถสนองตอบความต้องการของลูกค้าได้อย่างเพียงพอ เพราะแม้แต่เครื่องระดับล่างก็ยังมีฮาร์ดดิสก์ขนาด 40 GB ซึ่งคิดว่าคุณคงใช้ไม่หมด จึงขอแนะนำให้นำเงินส่วนเกินนี้ไปใช้จ่ายอย่างอื่นจะดีกว่า

ระบบวิดีโอ

ระบบวิดีโอจะส่งภาพไปยังจอภาพ คอมพิวเตอร์ราคาถูกจำนวนมากจะใช้ RAM ของระบบหลักในการรันวิดีโอ โดยฝังวิดีโอโปรเซสเซอร์ลงในเมนบอร์ด ซึ่งสามารถทำงานได้ แต่ไม่น่าพึงพอใจ

เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ดีกว่าจะมีบอร์ดวงจรแยกออกต่างหาก เรียกว่าการ์ดจอ การ์ดดังกล่าวจะประกอบด้วยวิดีโอโปรเซสเซอร์และหน่วยความจำ สำหรับการ์ดจอแล้ว หน่วยความจำ RAM ขนาดมาตรฐานคือ 64 MB ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานประจำวันได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม หากว่าคุณต้องใช้งานวิดีโอหรือเล่นเกมส์ขั้นสูง ให้ใช้การ์ดจอที่มี RAM ขนาด 128 MB ส่วนผู้เล่นเกมส์อย่างจริงจังอาจต้องใช้ RAM ขนาด 256 MB

จอภาพ

คุณจำเป็นต้องซื้อจอภาพหรือไม่ คนส่วนมากซื้อจอภาพโดยไม่ได้คิด จอภาพไม่จำเป็นที่จะต้องมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ มีบ่อยครั้ง ที่คุณสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายโดยการไม่เอาจอภาพ ทำไมจึงทำเช่นนั้น ก็เพราะว่า หากคุณพอใจกับจอภาพปัจจุบันที่ใช้งานอยู่ จอภาพนั้นก็สามารถใช้งานได้ดีกับคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ของคุณได้เช่นกัน

มีจอภาพพื้นฐานอยู่ 2 ประเภท คือจอชนิด CRT และจอแบน จอ CRT จะมีราคาถูกกว่ามาก และควรซื้อจอภาพ CRT ที่มีขนาดตั้งแต่ 17 นิ้วขึ้นไป โปรดระลึกไว้ว่า การวัดขนาดจอภาพเป็นการวัดตามเส้นทแยงมุม โดยรวมส่วนที่หลบอยู่ใต้กรอบภาพด้วย ทำให้จอภาพ CRT ขนาด 17 นิ้ว จะมีส่วนที่สามารถมองเห็นได้เพียง 16 นิ้วหรือน้อยกว่านั้น

จอภาพประเภทจอแบนจะมีราคาแพงกว่าประเภท CRT มาก จอแบนแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ อะนาล็อกและดิจิทัล สัญญาณดิจิทัลเกิดจากคอมพิวเตอร์อยู่แล้วจึงไม่ต้องแปลงสัญญาณ ส่วนจอภาพอะนาล็อกนั้น จะต้องให้ระบบวิดีโอแปลงสัญญาณดิจิทัลจากคอมพิวเตอร์ให้เป็นอะนาล็อกเสียก่อน จึงจะแสดงภาพได้ ผู้ใช้บางคนเห็นว่าสัญญาณดิจิทัลให้ภาพที่คมชัดมากกว่า

CD และ DVD

คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะมีออปติคัลไดรฟ์ ซึ่งอาจเป็น CD หรือ DVD นอกจากนี้ คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องยกเว้นเครื่องราคาถูก จะมีเครื่องบันทึกหรือ ‘Burner’ (“Burning” คือกระบวนการบันทึก CD หรือ DVD) เครื่องบันทึก CD-RW เป็นเครื่องที่ใช้กันแพร่หลายในปัจจุบัน แต่เครื่องบันทึก DVD จะมีในคอมพิวเตอร์ที่มีราคาแพงกว่า

DVD ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่มีปัญหาเรื่องมาตรฐานรูปแบบที่ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ คุณอาจเห็นไดรฟ์ DVD+R/RW หรือ DVD-R/RW ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งทั้งสองระบบไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ แต่เครื่องเล่นส่วนมากสามารถเล่นแผ่น R ที่บันทึกจากระบบทั้งสองได้ R หมายถึงแผ่นที่สามารถบันทึกได้เพียงครั้งเดียว ส่วน RW ย่อมาจาก Rewriteable ซึ่งหมายความว่าแผ่นดังกล่าวสามารถบันทึกได้หลายๆ ครั้ง เครื่องบันทึก DVD สามารถบันทึกแผ่น CD ได้เช่นกัน

ผู้เขียนขอแนะนำว่าคุณควรซื้อ CD-RW เป็นอย่างน้อย

คำแนะนำส่งท้าย: ผู้เขียนเคยได้ยินคนจำนวนมากถามว่า ควรซื้อคอมพิวเตอร์เมื่อใดจึงจะเหมาะที่สุด ทุกวันนี้ มีคอมพิวเตอร์รุ่นที่เร็วกว่า ดีกว่า เยี่ยมกว่า เจ๋งกว่า ใหญ่กว่าหรือเล็กกว่า ออกวางจำหน่ายอยู่ตลอดเวลา จึงขอแนะนำว่า หากคุณต้องการใช้คอมพิวเตอร์ ก็ให้ซื้อได้ทันที

Share this post

Start typing and press Enter to search

Shopping Cart

ไม่มีสินค้าในตะกร้า